วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ลดอาการบาดเจ็บหัวเข่า ด้วยการกระโดดเชือกวันละ 2 ครั้ง

                                                


 “หนอมเอ๊ย เชือกกระโดดภาษาอังกฤษ  ตั้งแต่กูจบ ม.6 จนเข้าทำงานทิ่นี่ ลำบากตลอด”ก็เสียงขึ้นจพูกพูดกับมัน “อะไรกันวะ เงินเดือนก็มึทั้งมัวเมีย งานที่ทำหรือก็มั่งโต๊ะไม่ต้องวิ'งแรดอย่างข้าล่กหน่อย ต้องตะลอนๆ ไปตามลำนักพิมพ์เพื่อขอเขาเขียนหนังสือ แล้วบอกลำบาก”เพื่อนเรืองเสียงอ่อยหน้านิ่วเหมือนกินยาขมเข้าไปและว่า “ร่างกายน่ะสบาย แต่จิตใจสีมึงเอ๋ยมันละเหี่ย” ก็สงสัยจึงถาม “ทำไมหรือ"บุญเรืองวางปากกาลูกลื่น เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วถอนใจบอก “ก็เมียกู แต่ละวันไม่ให้เงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว บอกไปหาเอาเองข้างหน้า หนำซํ้ายิ่งโหดปาเถือน กลับถึงบ้านต้องมีในกระเปาด้วยอย่างน้อยห้าร้อยมึงคิดดุหนอม เสียสุขภาพจิตไหม”ผมก็นั่งมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย คุณสดใสเมียมันเท่าที่เคยสัมผัสเป็นคนเรียบร้อย พูดจาไพเราะ ไอ้เรืองใส่ร้ายเมียตัวเองชะละมั้ง ใครจะทำตกไว้มากมายขนาดนั้น เมียเพื่อนถึงบอกให้ไปหาเอาข้างหน้า ยิ่งเศรษฐกิจตอนนี้ด้วยแล้ว ไม่มีทาง ผมทบทวนดูเมื่อประมาณสักลิบปีที่แล้วไปวิ่งออกกำลังตอนเช้าตามสวนสาธารณะ เคยเก็บเงินได้ครั้งยี่ลิบ ห้าลิบบางครั้งใบละร้อยยังเจอ ปัจจุบันนี้ วิ่งไปเถอะเป็นชั่วโมง เหรียญบาทยังหายาก ที่พูดนี่เรื่องจริงนะครับ แสดงว่าเราซาวไทยระวังเรื่องเงินในกระเป๋า

มากขึ้น จะใช้จ่ายอะไรต้องคิดให้ดีถี่ถ้วน เชือกกระโดดทำเอง คลำกระเป๋าแล้วคลำอีกหายหรือเปล่าวะ ถ้าเผลอไผลพรุ่งนี้ไม่มีใช้ต้องจบเห่ผมนั่งข้างไอ้เรืองแล้วดูมันทำงานไปด้วยในระหว่างคุย เผอิญวันนั้นอยากพักสมองเลยเบี้ยวตัวเองหยุดเขียนชะวัน ไม่รู้จะไปไหน อยากไปชี้นิ้วกลัวเงินในกระเป๋าหมด นึกถึงเพื่อนเรืองได้ เลยมาที่นี่ดีกว่า ผมถึงกับทึ่งในการหาเงินที่เมียมันกำชับมาจริงหรือเปล่าไม่รู้ มันเยี่ยมจริงๆ มีหญิงคนหนึ่งเร่เช้ามา ทรุดตัวลงตรงข้ามกับเพื่อน ที่รีบยกมือ,ไหว้ก่อน ด้วยกิริยาอ่อนน้อมตามนิสัยของมัน เชือกกระโดดไร้สาย พลางเอ่ย“สวัสดีครับ มาแจ้งความเรื่องอะไร”หญิงวัยกลางคนได้ตอบ “บัตรประชาชนฉันหายค่ะ”บุญเรืองทำเสียงตกใจ “อ้าวเหรอะ ที่ไหนล่ะ”หญิงผู้นั้นสันหน้าพลางตอบ “ไม่เหมือนกันสงลัยคงลืมไว้ที่ไหนลักที่หนึ่งจำไม่ได้”พื่อนเกาหัวแกรกและว่า “ว้า บัตรประจำตัวต้องระวัง ไปทิ้งส่งเดชได้อย่างไร รอเดี๋ยวนะ” สุดท้ายเพื่อนบอก จากนั้นเปิดลิ้นชัก หาโน่นนี่ของมันตามเรื่อง สักพักลุกจากเก้าอี้ เดินไปห้องข้างๆ ผมจะถามว่าไปไหนก็ไม่กล้า เพราะไม่รู้จะถามไปเพื่ออะไร ยังนึกคงไปเอาอะไรสักอย่างแหละน่า แต่เปล่า สักครู่ใหญ่มันกลับมาดึงกระดาษบันทึก หยิบปากกาทำท่าจะเขียน แล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงผู้นั้น ที่ดู'จะร้อนรน่รีบ1ไป บุญเรืองจุปากเหมือนคิดอะไรไม่ออก ก้มมองกระดาษ เงยขึ้นมองหญิงกลางคนอีกครั้ง แล้วจุปากเหมือนเมื่อครู่ เห็นหญิงที่มาขอแจ้งความเฉย มันล่ายหน้าไปมา ลุกขึ้นเดินออกไปเข้าห้องเก่า ผมก็คิด ไอ้เวรเอ๊ย ทำไมไม่เขียนให้เขาซะทึวะ แกจะได้รีบไปสักพักเพื่อนเรืองเดินอ้าวกลับมาลงนั่ง ทุกอย่างเหมือนเดิม ตั้งแต่มันจุปาก มองกระดาษ เงยขึ้นที่หน้าผู้มาแจ้ง วางปากกา เครื่องลดหน้าท้อง ล่ายหน้า เหมือนมันก๊อบปีตัวเองไว้ตรงนั้น หญิงผู้กำลังกระวนกระวาย คงนึกอะไรขึ้นมาได้ล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบใบละยี่สิบ ค่อยกระมิดกระเมี้ยนขยุ้มขยี้จนรวมกันเป็นก้อนนิดเดียว ชำเลืองมาที่ผม ซึ่งแกล้งเบือนหน้าเสียทางอื่น เพราะรู้แล้วแกจะทำอะไรผู้หญิงนั้นเสือกมือซึ่งมืเงินด้วยไปที่หน้าเพื่อนพร้อมกระซิบ “ฉันจะรีบไป ลูกอรู/'คนเดียวกำลังซนกลัวตกใต้ถุน ช่วยเร็วหน่อยเถอะพ่อคุณพ่อมหาจำเริญ”

ไอ้เรืองเอาลูกลื่นเขี่ยก้อนกลมเล็กลงลิ้นชักอย่างชำนาญ ขยับตัวให้หลังตรงเปะ กระแอมเบาๆ แล้วถามชื่อ พร้อมนามสกุล จากนั้นเขียนปีดๆๆๆๆสักห้านาทีเห็นจะได้ล่งให้เซ็นชื่อไม,ต้องอ่านทวนให้ฟังกันละว่าผิดถูกประการใด  เชือกกระโดดยี่ห้อไหนดี บอกกับหญิงผู้นั้น “เสร็จแล้ว” เจ้าของบัตรหายพับกระดาษเพียงลวกๆยัดใล่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตลายดอกเหลืองอ่อย ลุกขึ้นปัดก้นปับๆ ปนพอผมและเพื่อนได้ยิน “โธ่ เสือกโง่อยู่ได้ตั้งนานกู”เพื่อนเรืองหันมาโปรยยิ้มกับยักคิ้วให้ผม เลยถามมัน “มึงไปทำอะไรห้องโน้นวะสองครั้งสามครา” เพื่อนตอบหน้าตาเฉย “กูก็เดินเรื่อยเปีอย”ต้องย้อนถามไปอีก “แล้วที่มึงจุปากกับสืายหน้า หนักใจอะไรหรือวะ”

เชือกกระโดด